นายอนันต์ชัย อุทัยพัฒนาชีพ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เปิดเผยว่า จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ในปี 2560 พบว่าประชากรสูงอายุ ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป มีจำนวน 11.3 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 16.7 ของประชากรทั้งหมด และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ประชากรวัยเด็กและวัยทำงานลดลง ส่งผลให้ประเทศไทยก้าวสู่ยุคที่เรียกว่า “สังคมผู้สูงอายุ” การเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างของประชากรดังกล่าว ส่งผลให้อายุเฉลี่ยของแรงงานไทยจะสูงขึ้น แรงงานที่มีอายุ 45 ปีขึ้นไป จะมีจำนวนมากขึ้นและมีบทบาทสำคัญในการสร้างผลิตภาพแรงงาน ขณะเดียวกัน แรงงานเหล่านี้จะก้าวเข้าสู่การเกษียณในอีก 10 ถึง 15 ปีข้างหน้า เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับแรงงานกลุ่มนี้ ให้ก้าวเข้าสู่การเป็นประชากรสูงวัย ที่มีคุณภาพ ทั้งในแง่ของคุณภาพชีวิตและคุณภาพสังคม กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จึงจัดทำโครงการส่งเสริมสวัสดิการแรงงานสูงอายุขึ้น โดยส่งเสริมความรู้ให้แก่ลูกจ้างในสถานประกอบกิจการที่มีอายุ 45 ปีขึ้นไป โดยมุ่งเน้นใน 3 มิติสำคัญ ได้แก่ มิติทางเศรษฐกิจ เพื่อให้สามารถดำรงชีพภายหลังเกษียณ โดยปลอดจากภาระหนี้สิน ด้วยการส่งเสริมการใช้ชีวิตตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ให้ความรู้ในเรื่อง วินัยการออม การจัดทำบัญชีครัวเรือนลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ สร้างทางเลือกในการประกอบอาชีพเสริม หรือเป็นอาชีพภายหลังเกษียณ /มิติด้านสุขภาพ การให้ความรู้ในเรื่องดูแลสุขภาพทั้งกายและจิตใจ เพื่อให้เกิดความสมดุลชีวิต และมิติด้านสังคมเพื่อให้อยู่ในสังคมอย่างมั่นคงและมีคุณภาพชีวิตที่ดี และสามารถเข้าถึงบริการของภาครัฐ

   อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ ยังส่งเสริมให้สถานประกอบกิจการ จัดสวัสดิการเพื่อเตรียมความพร้อมแก่แรงงานที่จะก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัย ทั้งในด้านเศรษฐกิจ อาทิ การส่งเสริมการออม /การจัดตั้งสหกรณ์ออมทรัพย์ในสถานประกอบกิจการ และการส่งเสริมสวัสดิการ ด้านสุขภาพ เช่น การให้ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพการตรวจสุขภาพประจำปี ให้แก่ลูกจ้าง โดยในปีงบประมาณ 2561 กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ได้ส่งเสริมการจัดสวัสดิการแรงงานสูงอายุเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตให้แก่ลูกจ้างไปแล้วกว่า 6,000 คน สำหรับสถานประกอบกิจการที่สนใจเข้าร่วมโครงการ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กองสวัสดิการแรงงาน หมายเลขโทรศัพท์ 0 2246 0383