13-07-2561

มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน)

   ศาสตราจารย์ นายแพทย์ บรรจง มไหสวริยะ รักษาการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า มหาวิทยาลัยมหิดล เล็งเห็นขยะเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมที่จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง การร่วมมือ กับ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ จีซี (GC) ในครั้งนี้ จะช่วยสนับสนุนการวิจัย ในด้านการบริหารจัดการขยะในเขตชุมชน พร้อมต่อยอดและพัฒนาระบบสารสนเทศธนาคารขยะรีไซเคิล ที่ทางมหิดลได้ริเริ่มไว้ให้ดียิ่งขึ้น เพื่อเป็นโปรแกรมต้นแบบนำร่องสำหรับโรงเรียนอื่นๆ ในประเทศไทย ในการบริหารจัดการขยะในชุมชนต่อไป

   ด้าน นางวราวรรณ ทิพพาวนิช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานกิจการองค์กร บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จีซี เล็งเห็นถึงความสำคัญของการบริหารจัดการปัญหา ขยะพลาสติกอย่างยั่งยืน และการสนับสนุนให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการจัดเก็บและแยกขยะพลาสติก ตลอดจนการนำมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ ให้สามารถจำหน่ายในตลาดได้ จะเป็นการสร้างงานและสร้างรายได้ให้กับชุมชน ตลอดจนสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับขยะ เพื่อนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ รวมถึงการส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้แนวคิด เศรษฐกิจหมุนเวียน

   ทั้งนี้ ทางจีซี มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยมหิดล ในการพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ สำหรับการจัดการข้อมูลธนาคารขยะอย่างมีประสิทธิภาพ และเตรียมพร้อมขยายเครือข่ายโรงเรียนธนาคารขยะกว่าอีก 10 โรงเรียน ในพื้นที่จังหวัดระยอง เพื่อปลูกจิตสำนึกสู่เยาวชนในการจัดการขยะ ให้นักเรียนรู้จักการคัดแยกขยะอย่างถูกวิธี และสามารถนำไปขายเพื่อให้เกิดรายได้อีกด้วย

   สำหรับโครงการธนาคารขยะดังกล่าว นักเรียนจะนำขยะที่เก็บรวบรวมจากที่บ้าน นำมาขายที่ ธนาคารขยะของโรงเรียน โดยขยะรีไซเคิล ถูกแบ่งแยกย่อยตามผลิตภัณฑ์และราคารับซื้อ 14 ประเภทด้วยกัน เช่น กระดาษขาว-ดำ กระดาษกล่องสีน้ำตาล กระดาษหนังสือพิมพ์ กระป๋องเครื่องดื่มอะลูมิเนียม ขวดแก้วเหล้าเบียร์ ขวดน้ำพลาสติกใส ขวดพลาสติกขุ่น ท่อพีวีซี เหล็ก เป็นต้น เมื่อคัดแยก ชั่งขยะ และคิดราคาแล้ว นักเรียนที่นำขยะมาขายก็จะมีสมุดบัญชีรับฝาก บันทึกไว้เป็นหลักฐาน และสามารถฝากถอนเป็นเงินได้

   ด้านมหาวิทยาลัยมหิดล จะเตรียมพัฒนาโปรแกรมระบบธนาคารขยะรีไซเคิลออนไลน์ เพื่อช่วยในการจัดเก็บข้อมูลขยะรีไซเคิลให้มีความถูกต้องแม่นยำ และบริหารจัดการสร้างฐานข้อมูลการคัดแยกขยะในระดับชุมชนให้เป็นระบบ เอื้อต่อการต่อยอดสู่งานวิจัยในหลากหลายสาขาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และคาดหวังว่า ผลของโครงการนี้ จะถูกต่อยอดจากโรงเรียนไปสู่ชุมชน และเป็นแบบอย่างให้กับสถาบันการศึกษา หน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ เอกชน สามารถนำไปประยุกต์ใช้เพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการขยะมูลฝอยของประเทศต่อไป