04-09-2561

สพฐ. ตั้งเป้าปี 2561 เป็นปีการปฏิบัติ โรงเรียนในสังกัด ต้องไร้ขยะ

   นาย อโณทัย ไทยวรรณศรี ผู้อำนวยการสำนักพัฒนานวัตกรรมการจัดการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าวว่า เนื่องจากประเทศไทยกำลังเผชิญปัญหาปริมาณขยะเพิ่มมากขึ้น ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของคนไทย ซึ่ง ดร.บุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว และกำหนดเป็นนโยบายสร้างจิตสำนึกลดปริมาณขยะ ในสถานศึกษาให้ได้มากที่สุด โดยตั้งเป้าหมายให้ปี 2561 เป็นปีแห่งการปฏิบัติ โรงเรียนของ สพฐ.ต้องไร้ขยะ ดังนั้น สำนักพัฒนานวัตกรรมการจัดการศึกษา จึงได้ดำเนินโครงการสร้างจิตสำนึกด้านการบริหารจัดการขยะ น้ำเสีย พลังงานและความหลากหลายทางชีวภาพ โดยมีการจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อสร้างจิตสำนึกด้านบริหารจัดการขยะและนำกลับมาใช้ประโยชน์ และสร้างวินัยด้านการบริหารจัดการขยะในโรงเรียนให้นักเรียน ทุกระดับชั้นคัดแยกขยะตามหลักโรงเรียนปลอดขยะ

   ผู้อำนวยการสำนักพัฒนานวัตกรรมการจัดการศึกษา กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการดำเนินโครงการสร้างจิตสำนึกด้านการบริหารจัดการขยะ น้ำเสีย พลังงาน และความหลากหลายทางชีวภาพ ในปีงบประมาณ 2561 พบว่า สามารถสร้างผู้นำนักเรียนได้ถึงกว่า 25,000 คน โดยมีโรงเรียน 15,000 โรง ใน 225 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และชุมชนนำนโยบายด้านการจัดการขยะและกิจกรรมส่งเสริมการสร้างจิตสำนึกการจัดการขยะ ตามหลัก 3 Rs และนำขยะมาใช้ประโยชน์ในรูปพลังงานและซากบรรจุภัณฑ์ สามารถนำขยะอินทรีย์มาผลิต ปุ๋ยหมักพระราชทานได้เฉลี่ยโรงเรียนละ 80 กิโลกรัมต่อปี เป็นต้น ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จในระดับที่น่าพอใจและเป็นไปตามเป้าหมาย

   ทั้งนี้ สิ่งที่น่าเป็นห่วงขณะนี้ คือ โรงเรียนที่อยู่ใกล้กับโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งต้องมีการสร้างภูมิคุ้มกันให้โรงเรียนช่วยเหลือตัวเองได้ รู้จักป้องกันมลพิษที่เกิดจากโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ก่อนที่จะได้รับความช่วยเหลือ ซึ่ง สพฐ.จะต้องขอความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาให้ความรู้แก่โรงเรียนต่อไป นอกจากนี้เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการสร้างจิตสำนึก ในปีงบประมาณ 2562 สพฐ. ได้ทำโครงการสร้างจิตสำนึกและความรู้ในการผลิตและบริโภคที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นการขยายผลให้เกิดความยั่งยืน จนเป็นนิสัยของคนไทยในอนาคต โดยจะมีการเพิ่มจำนวนโรงเรียนในโครงการให้ได้ 30,700 โรงในทุกเขตพื้นที่การศึกษา นำนวัตกรรมต้นแบบการนำ 3 Rs มาประยุกต์ใช้ในการผลิตและบริโภคที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ในโรงเรียน 6,000 โรง รวมถึงให้สำนักงานเขตพื้นที่ทั้ง 225 เขต ทำนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างที่เป็นมิตร กับสิ่งแวดล้อมและเป็นสำนักงานสีเขียวต้นแบบ ที่สำคัญจะมีการสร้างความรู้ความเข้าใจกับเครือข่ายเตรียมความพร้อมโรงเรียน และชุมชนใกล้โรงงานอุตสาหกรรม ที่จะได้รับการพัฒนาเป็นเมืองสิ่งแวดล้อม อย่างยั่งยืน