ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ตนได้ประชุมร่วมกับนายกสภามหาวิทยาลัยกว่า 70 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งเป็นการเปิดมุมมอง การทำงานของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือ อว.ทำให้เห็นภาพการเชื่อมต่อระหว่างผู้กำหนดนโยบายและการบริหารงานของมหาวิทยาลัยชัดเจนขึ้น ทำให้ อว.ต้องกลับมาทบทวนบทบาทการเป็นผู้ควบคุม คือ แม้ อว.จะให้ความเป็นอิสระแก่มหาวิทยาลัย แต่ในหลายเรื่องก็ยังคงมีกฎระเบียบ ข้อบังคับ ที่เป็นอุปสรรคต่อการทำงานของมหาวิทยาลัย ดังนั้น อว.จะนำกฎระเบียบที่มีทั้งหมดมาทบทวนใหม่ แต่ทั้งนี้เมื่อมหาวิทยาลัยมีความเป็นอิสระแล้วจะต้องทำงานแลกกับการตอบโจทย์ และทำประโยชน์ให้สังคมด้วย ซึ่งตนมองว่ามี 3 เรื่อง คือ (1.) ธรรมาภิบาลภายในมหาวิทยาลัย ตั้งแต่เรื่องการทุจริต จนถึงปัญหา การฟ้องร้องต่างๆ ที่มีจำนวนมากจนทำให้เสียเวลาในการขับเคลื่อนงาน (2.) คุณภาพ ซึ่งหากมองภาพ การบริหารงานทั้งระบบ แล้วพบมหาวิทยาลัยที่ไม่ตอบโจทย์ความต้องการของประเทศก็จำเป็นต้องปิดตัว แต่ อว.ยังไม่มีแนวคิดเรื่องการปิดมหาวิทยาลัย จึงอยากให้มหาวิทยาลัยยกระดับให้มีคุณภาพและตอบโจทย์ความต้องการของประเทศให้ได้ เพราะถ้ารัฐต้องสนับสนุนงบฯแก่เท่าเทียมกันมหาวิทยาลัยก็ไม่ยุติธรรม

   ดร.สุวิทย์ กล่าวต่อไปว่า เรื่องที่ (3.) หลักสูตรการเรียนการสอน ซึ่งมหาวิทยาลัยต้องตั้งคำถามแล้วว่า หลักสูตรที่จัดการเรียนการสอนปัจจุบันตอบโจทย์ความต้องการในศตวรรษที่ 21 ตอบโจทย์ประเทศหรือไม่ ซึ่งจากการหารือครั้งนี้ทำให้รับเสียงสะท้อนทั้งเรื่องงานวิจัยและพัฒนาเชิงนวัตกรรม ว่า ค่อนข้างมีปัญหาเกี่ยวกับระบบที่จะเข้ามาเป็นกลไกในการขับเคลื่อน ดังนั้น อว.จะเร่งสร้างสมดุลในการขับเคลื่อนงานอย่างเร็วที่สุด ส่วนทิศทางการขับเคลื่อนประเทศให้ไปข้างหน้าถือว่า ทุกฝ่ายเห็นตรงกันแล้ว แต่ยังต้องปรับปรุงระบบการขับเคลื่อนให้ก้าวไปได้ไวกว่านี้ ทั้งนี้ที่ประชุมมีข้อเสนอแนะให้ อว.จัดการประชุมหารือร่วมกับ สภาคณาจารย์ต่าง ๆ ด้วย ซึ่งตนก็เห็นด้วย เพราะทุกคนมีบทบาทในการขับเคลื่อนงานของ อว. เหมือนกัน