21-01-2563

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ชี้แจงกรณีเชื้อโรคจะเข้าสู่ร่างกายได้นั้น ไม่เกี่ยวกับเมือกในลำคอแห้ง

   นายแพทย์อัษฎางค์ รวยอาจิณ รองอธิบดีและโฆษกกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กรณีที่มีการแชร์ข้อมูลในโซเชียลมีเดียว่าให้ป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ โดยการรักษาความชุ่มชื้นของเยื่อเมือกลำคอ เพราะถ้าเยื่อเมือกลำคอแห้ง เชื้อโรคจะเข้าสู่ร่างกายได้ นั้น กรมควบคุมโรค ขอชี้แจงว่าข้อความดังกล่าวไม่เป็นจริง เนื่องจาก เชื้อโรคที่จะเข้าสู่ร่างกายได้นั้น ไม่เกี่ยวกับเมือกในลำคอแห้ง แต่ขึ้นอยู่กับภูมิต้านทานโรคในร่างกายและวิธีปฏิบัติในการป้องกันโรค ซึ่งโรคไข้หวัดใหญ่ทุกสายพันธุ์ สามารถป้องกันได้โดยยึดหลัก “ปิด ล้าง เลี่ยง หยุด”

   โดยโรคไข้หวัดใหญ่ ติดต่อจากการสัมผัสสารคัดหลั่ง อาทิ น้ำมูก / น้ำลาย / หรือเสมหะ ของผู้ป่วย โดยผ่านการไอ จามรดกัน หรือหายใจเอาฝอยละอองเข้าไป อาจรับเชื้อทางการสัมผัสสิ่งของที่มีเชื้อ อาทิ แก้วน้ำ / ลูกบิดประตู และผ้าเช็ดมือ หลังรับเชื้อมักมีอาการทันทีหรือประมาณ 1-2 วัน จะมีอาการไข้สูง ตัวร้อน หนาว ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อมาก โดยเฉพาะที่หลัง ต้นแขน และต้นขา จะอ่อนเพลีย มีน้ำมูกใส ๆ หากมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ ขอให้หยุดเรียนหรือหยุดงานทันที เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อสู่ผู้อื่น งดออกกำลังกาย งดดื่มน้ำเย็น รับประทานอาหารอ่อน น้ำเกลือแร่และพักผ่อนมาก ๆ มีไข้ให้เช็ดตัว หากไข้ ไม่ลดให้รับประทานยาลดไข้ อาทิ พาราเซตามอล ห้ามใช้ยาแอสไพริน หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 48 ชั่วโมง ควรรีบพบแพทย์ทันที

   นายแพทย์อัษฎางค์ กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้กรมควบคุมโรค ขอแนะนำให้ประชาชนยึดหลัก “ปิด ล้าง เลี่ยง หยุด” เพื่อป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ทุกสายพันธุ์ ประกอบไปด้วย ปิด คือปิดปาก ปิดจมูก เมื่อไอ จาม ต้องใช้ผ้าหรือกระดาษทิชชูปิดปากและจมูกทุกครั้ง หากเจ็บป่วยด้วยไข้หวัดใหญ่ ควรใส่หน้ากากอนามัย // ล้าง คือล้างมือบ่อย ๆ ด้วยน้ำและสบู่เมื่อสัมผัสสิ่งของ อาทิ กลอนประตู ลูกบิด ราวบันได ราวบนรถโดยสาร // เลี่ยง คือหลีกเลี่ยงการคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วย หรือในสถานที่แออัด มีคนอยู่รวมกันจำนวนมาก และหยุด คือเมื่อป่วยควรหยุดเรียน หยุดงาน หยุดกิจกรรม แม้ผู้ป่วยจะมีอาการไม่มากก็ควรหยุดพักรักษาตัวที่บ้านจนกว่าจะหายเป็นปกติ โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง อาทิ เด็กเล็ก /ผู้สูงอายุ /หญิงตั้งครรภ์ /ผู้มีโรคประจำตัว และผู้ที่เป็นโรคอ้วน ควรให้การดูแลเป็นพิเศษ หากอาการไม่ดีขึ้นควรรีบพบแพทย์โดยเร็ว เพราะอาจเสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อน อาทิ ปอดบวม หายใจลำบาก และอาจทำให้เสียชีวิตได้.