06-11-2563

โปรแกรม ITAP สวทช. หนุนผู้ประกอบการบริษัท ทริปเปิ้ล เอ เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ ซัพพลาย จำกัด

   นางสาวชนากานต์ สันตยานนท์ ที่ปรึกษาอาวุโสโปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม หรือ โปรแกรม ITAP สวทช. กล่าวว่า โปรแกรม ITAP สวทช. เป็นหน่วยงานบริการสนับสนุน ภายใต้การกำกับดูแลของศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยี (TMC) ของ สวทช. ซึ่งถือเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนภาคธุรกิจอย่าง SMEs ทั้งด้านเงินทุนสนับสนุนและการให้คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ เป็นการเชื่อมโยงภาคอุตสาหกรรมสู่การพัฒนาทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ด้วยกลไกการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่เหมาะสม ซึ่งโปรแกรม ITAP สวทช. มีประสบการณ์ในการยกระดับเทคโนโลยีแก่ภาคเอกชนมากกว่า 4,000 โครงการ มีผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการทำงานร่วมกับภาคเอกชนกว่า 1,300 คน และมีพันธมิตรเชื่อมโยงกับหน่วยงานสนับสนุนอื่น ๆ เช่น ทางด้านการเงิน การตลาด เป็นต้น โดยในส่วนของผู้ประกอบการ บริษัท ทริปเปิ้ล เอ เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ ซัพพลาย จำกัด ได้รับการสนับสนุนผู้เชี่ยวชาญจากโปรแกรม ITAP โดย อาจารย์อนุกูล สุคโต ผู้เชี่ยวชาญจากคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ในการช่วยให้คำปรึกษาทางด้านเทคนิค ซึ่งได้เริ่มต้นโครงการจากโจทย์ ที่ต้องการเพิ่มช่องทางธุรกิจระบบรถเคลื่อนที่อัตโนมัติ ที่ทางบริษัทเกิดแนวคิดที่จะผลิตและจำหน่ายรถเคลื่อนที่อัตโนมัติ ภายใต้แบรนด์ของบริษัทเอง ซึ่งได้เริ่มโครงการตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2562 และเสร็จสิ้นวันที่ 15 สิงหาคม 2563 โดยมีการนำไปใช้งานจริงแล้วที่โรงพยาบาลชลบุรี

   ด้านนายพงษ์เจริญ รัชตะธรรมสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทริปเปิ้ล เอ เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ ซัพพลาย จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ เริ่มดำเนินธุรกิจมาตั้งแต่ ปี พ.ศ.2549 ธุรกิจหลักคือ ให้คำปรึกษา ออกแบบ สร้างเครื่องจักรและติดตั้งระบบอัตโนมัติแบบครบวงจร จึงมีความต้องการที่จะผลิต รถขนส่งของอัตโนมัติ (AGV: Automated Guide Vehicle) และตัดสินใจขอรับการสนับสนุนผู้เชี่ยวชาญ จากโปรแกรม ITAP สวทช. ในการทำวิจัยตลาดเรื่องความเป็นไปได้ของการผลิตรถเคลื่อนที่อัตโนมัติหรือ AGV เพื่อจำหน่าย พร้อมทั้งขอรับการสนับสนุนในโครงการที่ 2 เพื่อผลิตรถเคลื่อนที่อัตโนมัติหรือ AGV จนสำเร็จเป็นผลงานที่ใช้ได้จริงตามที่ต้องการ

 

   ขณะที่แพทย์หญิงจิรวรรณ อารยะพงษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลชลบุรี กล่าวว่า จากการนำผลงานดังกล่าวมาใช้งานจริงที่โรงพยาบาลชลบุรี พบว่าสามารถช่วยลดภาระงานของเจ้าหน้าที่ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในส่วนของการนำอาหารหรือสิ่งของต่าง ๆ ส่งให้ผู้ป่วย ทำให้โรงพยาบาลสามารถปรับลดจำนวนเจ้าหน้าที่เพื่อไปช่วยเหลือในส่วนงานอื่น ๆ ที่สำคัญได้มากขึ้น เป็นการลดระยะเวลาในการทำงาน ลดปริมาณการใช้ชุด PPE และอุปกรณ์ต่าง ๆ อีกทั้งยังช่วยป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรค และลดการสัมผัสใกล้ชิดระหว่างเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานกับผู้ป่วยอีกด้วย