30-07-2564

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเงินเยียวยาค่าเรียน คนละ 2,000 บาท ตั้งแต่ระดับอนุบาลถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 รวมถึงระดับ ปวช. และ ปวส.

   นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า จากการประชุมคณะรัฐมนตรี ผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ ที่มีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้มีมติเห็นชอบโครงการให้ความช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาในช่วงการแพร่ระบาดของโรค โควิด-19 ของกระทรวงศึกษาธิการใน 3 มาตรา วงเงินรวมเกือบ 22,000 ล้านบาท ประกอบด้วย มาตรการที่ 1 ลดภาระค่าใช้จ่ายในการเรียนรู้ โดยให้ความช่วยเหลือนักเรียน นักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่ในสถานศึกษาสังกัด กระทรวงศึกษาธิการ ทั้งภาครัฐและเอกชน และสถานศึกษานอกสังกัด ในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ชั้นอนุบาล-มัธยมศึกษาปีที่ 6 และระดับอาชีวศึกษา ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพหรือ ป.ว.ช. และประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง หรือ ป.ว.ส. ในอัตรา 2,000 บาทต่อคน โดยจ่ายผ่านสถานศึกษา และให้สถานศึกษาจ่ายตรงให้แก่นักเรียน นักศึกษา หรือผู้ปกครองแล้วแต่กรณี ในรูปแบบของเงินสด หรือนำเข้าบัญชีธนาคาร จำนวนประมาณ 11 ล้านคน วงเงินรวมประมาณ 21,600 ล้านบาท / มาตรการที่ 2 การขอความร่วมมือให้กลุ่มโรงเรียนเอกชน ที่ไม่รับการอุดหนุนจากรัฐ และกลุ่มโรงเรียนนานาชาติ ลดหรือตรึงค่าใช้จ่ายที่เรียกเก็บจากผู้ปกครอง ให้เท่ากับปีการศึกษา 2563 เพื่อไม่ให้เป็นการเพิ่มภาระแก่ประชาชนเกินสมควร และจัดตั้งศูนย์ประสานงานและแก้ไขปัญหาค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองในโรงเรียนเอกชนกลุ่มโรงเรียนเอกชนที่ไม่รับการอุดหนุนจากรัฐและกลุ่มโรงเรียนนานาชาติ เพื่อใช้มาตรการตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 32 และ 34 ของพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ. 2550 เป็นรายกรณี / มาตรการที่ 3 เป็นการลดช่องว่างการเรียนรู้ และลดผลกระทบด้านความรู้ที่ขาดหายไป โดยให้สถานศึกษาสามารถจ่ายเงินที่ได้รับจัดสรรตามนโยบายเรียนฟรี 15 ปี ใน 5 รายการ ได้แก่ ค่าเล่าเรียน หนังสือเรียน อุปกรณ์การเรียน เครื่องแบบนักเรียน และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เพื่อใช้ในการจัดการเรียนรู้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ในปีการศึกษา 2564 ได้ พร้อมกันนี้จะมีโรงเรียนในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ จำนวน 34,887 แห่ง ได้รับการสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติม เป็นค่าใช้จ่ายในการจัดการเรียนรู้และแก้ปัญหาความปลอดภัยจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 และจัดทำสื่อ อุปกรณ์การเรียนรู้ รวมวงเงินรวมประมาณ 400 ล้านบาท

   รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวเพิ่มเติมว่า การกำหนดกลุ่มเป้าหมายในการให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อน ยึดหลักการไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ครอบคลุมทุกกลุ่มผู้เรียน ทั้งในสถานศึกษาทั่วไป ด้อยโอกาส ยากจน และกลุ่มเด็กพิการ และจากมติ ครม.ในครั้งนี้ จะทำให้ผู้เรียนทุกกลุ่มได้รับความช่วยเหลือและสนับสนุนค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเรียนและการดำรงชีวิต ทำให้มีความพร้อมในการเรียน ในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ขณะเดียวกันสถานศึกษาก็ได้รับการสนับสนุน เพื่อให้สามารถจัดการเรียนรู้ เพื่อลดช่องว่าง การเรียนรู้ และผลกระทบด้านความรู้ของนักเรียน นักศึกษาที่ขาดหายไป และในส่วนของผู้ปกครองที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด 19 ก็ได้รับการบรรเทาภาระค่าใช้จ่าย ด้านการศึกษาของบุตรหลานเพิ่มเติมมากขึ้น