26-10-2565

ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เผย "ธัชชา" กระทรวง อว.ให้ทุนนักวิจัยไทยที่ร่วมทีมกับ

   ศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์ สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือ อว. และภาคีสมาชิกราชบัณฑิตสภา เปิดเผยว่า ขณะนี้ อว. โดยวิทยสถานสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์และศิลปกรรมศาสตร์แห่งประเทศไทย หรือ "ธัชชา" ให้ทุนทำวิจัยเรื่องดีเอ็นเอของคนไทยโบราณกับ รองศาสตราจารย์ ดร.วิภู กุตะนันท์ นักวิจัยรุ่นใหม่คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร (มน.) และทีมนักวิจัยผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาดีเอ็นเอ ซึ่งเป็นงานวิจัยคล้ายกับผลงานของ ศาสตราจารย์ ดร.สเวนเต้ พาโบ้ นักวิทยาศาสตร์ชาวสวีเดน ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยแมกซพลังค์ด้านมานุษยวิทยาวิวัฒนาการ (MPI-EVA) ประเทศเยอรมนี ที่ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสรีรวิทยาหรือการแพทย์ ปี 2565 จากผลงานการศึกษาเรื่องวิวัฒนาการของมนุษย์ โดยเป็นผู้บุกเบิกการศึกษาดีเอ็นเอของมนุษย์โบราณ ซึ่งถือเป็นการเปิดมิติใหม่ ของการวิจัยทางโบราณคดี โดยการนำเอาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีด้านพันธุกรรมหรือชีววิทยาระดับโมเลกุลมาประยุกต์ใช้ทางประวัติศาสตร์และโบราณคดี ทำให้เข้าใจวิวัฒนาการของมนุษย์ โดยเป็นผู้บุกเบิก การแยกสารพันธุกรรมหรือดีเอ็นเอจากกระดูกของมนุษย์โบราณที่สูญพันธุ์ไปแล้วซึ่งขุดพบในถ้ำ อายุหลายหมื่นปี ดีเอ็นเอที่สกัดออกมานั้นมีจำนวนน้อยและเสื่อมสภาพไปมากแล้ว แต่ก็ได้ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงมาแยกและวิเคราะห์รายละเอียดจนสำเร็จได้ เกิดความรู้ใหม่ว่ามียีนบางส่วนจากมนุษย์โบราณนั้นได้ถ่ายทอดเข้ามาสู่มนุษย์ปัจจุบันด้วย ซึ่งข้อมูลและเทคนิคการศึกษานี้ทำให้นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกเกิดความตื่นตัวและนำไปเป็นต้นแบบในการศึกษาวิจัยต่อไปอีกอย่างกว้างขวาง เกิดความรู้ความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับวิวัฒนาการของมนุษย์

   ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวต่อไปว่า รองศาสตราจารย์ ดร.วิภู กุตะนันท์ เคยร่วมทีมของ ศ.ดร.สเวนเต้ ระหว่างปี 2559-2562 ที่สถาบันวิจัยแมกซพลังค์ด้านมานุษยวิทยาวิวัฒนาการ ประเทศเยอรมนี ทำการศึกษาดีเอ็นเอโบราณจากตัวอย่างฟันที่ค้นพบในประเทศไทย และได้ร่วมทำงานกับ ศาสตราจารย์ดร.สเวนเต้ เพิ่มเติมอีกเมื่อกลับมาประเทศไทยแล้ว การให้ทุนของธัชชาครั้งนี้จึงถือการเป็นบูรณาการด้านศาสตร์และศิลป์ไปคู่กัน

   ด้าน รองศาสตราจารย์ ดร.วิภู กุตะนันท์ นักวิจัยรุ่นใหม่คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร กล่าวว่า ประเทศไทยกำลังก้าวกระโดดในการศึกษาวิจัยทางโบราณคดีอย่างลึกซึ้งโดยใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาทำงานร่วมกับสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ โดยการริเริ่มของ "ธัชชา" โดยขณะนี้มีการศึกษาดีเอ็นเอโบราณหลายโครงการ หนึ่งในนั้นเป็นความร่วมมือระหว่างนักวิจัยไทย โดย รองศาสตราจารย์ ดร.วิภู กุตะนันท์ และ ศาสตราจารย์ ดร.รัศมี ชูทรงเดช ร่วมกับนักวิจัยจาก MPI-EVA ศึกษาดีเอ็นเอของมนุษย์โบราณที่พบที่ จ.แม่ฮ่องสอน ได้ข้อมูลใหม่ที่น่าสนใจมาก โดยจะนำเสนอผลการวิจัยในงานประชุมวิชาการนานาชาติ ของสมาคม Indo-Pacific Prehistory Association (อินโดแปซิฟิก พรีฮิสทรี่ แอสโซวิเอชั่น : IPPA) ที่จังหวัดเชียงใหม่ ในเดือนพฤศจิกายนนี้

   รองศาสตราจารย์ ดร.วิภู กุตะนันท์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ตนและทีมของ รองศาสตราจารย์ ดร.จตุพล คำปวนสาย และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เมธวี ศรีคำมูล กำลังศึกษาดีเอ็นเอของมนุษย์ ในประเทศไทยเพิ่มเติม ทั้งดีเอ็นเอมนุษย์โบราณและดีเอ็นเอของมนุษย์ในปัจจุบัน ขยายการวิจัยในภาพใหญ่ขึ้นอีกให้เข้าใจวิวัฒนาการของมนุษย์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยการสนับสนุนจากสถาบันสุวรรณภูมิศึกษา ธัชชา ภายใต้ อว.ซึ่งเห็นชัดเจนว่าประเทศไทยมีความพร้อมและกำลังเป็นผู้นำการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับ ดีเอ็นเอโบราณและวิวัฒนาการของมนุษย์ได้ในระดับภูมิภาคได้