07-02-2566

สวทช. จับมือบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) เล็งจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนา BCG Industry เสริมแกร่งระบบนิเวศวิจัยด้านพลังงาน

   ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือ สวทช. และนายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการวิจัยและพัฒนาเพื่อนวัตกรรมเชิงอุตสาหกรรมเพื่อ Bio-Circular-Green Economy โดยมีศาสตราจารย์ (พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พร้อมด้วย ศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์ สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ร่วมแสดงความยินดี

   ศาสตราจารย์ (พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวว่า ความร่วมมือของภาคเอกชนและ สวทช. ทำมาได้อย่างรวดเร็ว ที่สำคัญถือเป็นการเปลี่ยนโมเดลของการทำวิจัยในประเทศไทยไปแบบก้าวกระโดด แม้ว่าที่ผ่านมาระบบวิจัยจะทำด้าน Supply ไปสู่ Demand ซึ่งส่วนใหญ่ทำวิจัยระดับความพร้อมเทคโนโลยี ตั้งแต่ขั้นเริ่มต้นไปถึงการพัฒนาขั้นสุดท้ายของการสาธิตในสภาวะการทำงานเท่านั้น แต่ในระดับเทคโนโลยีส่งมอบผ่านการทดสอบสาธิตในสภาพการใช้งานจริงไปสู่อุตสาหกรรมนั้น ยังมีไม่มากเท่าที่ควร ดังนั้น EA ถือเป็นตัวอย่างในการร่วมวิจัย ที่เกิดจาก Demand ของบริษัทเอกชน และต้องการเข้ามาร่วมวิจัยสู่การใช้งานจริงในระดับอุตสาหกรรม ซึ่งถือเป็นการคิดเชิงกลยุทธ์ มากกว่าการทำวิชาการด้านเดียว และที่ดีใจเป็นพิเศษ คือ เกิดความร่วมมือของภาคเอกชนและภาครัฐอย่าง สวทช. ในการขับเคลื่อนภายใต้นโยบาย BCG Economy Model ซึ่งเป็นวาระประเทศและวาระของ APEC ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพที่ผ่านมาด้วย

   อย่างไรก็ตาม กระทรวง อว. เป็นกระทรวงที่ทำงานด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและเทคโนโลยี ดังนั้นต้องนำส่วนที่ก้าวหน้าที่สุดด้านธุรกิจ มาเป็นภาคีในการทำงานร่วมกับองค์ความรู้ที่ กระทรวง อว.มีผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งความร่วมมือนี้จะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมแบบอุตสาหกรรมเป็นศูนย์กลาง ให้กับบุคลากรทางด้านวิจัย และบุคลากรด้านอุตสาหกรรม สร้างนวัตกรรมที่มีความแตกต่างและเกิดเป็น National Product Champion ซึ่งเป็นการพัฒนาต่อยอดจากฐานเทคโนโลยีแนวหน้าของอุตสาหกรรม ให้เกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดและทำให้ประเทศไทยมีผลิตภัณฑ์ที่มาจากเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อเสริมจุดแข็งให้ภาคอุตสาหกรรม ผลักดันให้ประเทศไทยขึ้นเป็นแนวหน้าในอาเซียนต่อไป

   การดำเนินงานวิจัยและพัฒนานั้น จะเกิดผลสำเร็จก็ต่อเมื่อผลผลิตจากห้องปฏิบัติการมีการนำไปใช้แล้วเกิดประโยชน์ เกิดผลกระทบเชิงบวกต่อภาคเอกชน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ซึ่งการทำงานของ สวทช. เป็นการคิดค้นเทคโนโลยีนวัตกรรม เพื่อแก้ข้อจำกัด และเสริมจุดแข็งให้กับภาคเอกชนให้เกิดความแตกต่างและความได้เปรียบในการแข่งขันด้านธุรกิจ ตลอดจนช่วยให้อุตสาหกรรม ก้าวผ่านข้อจำกัดได้ดียิ่งขึ้น ขณะที่ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) ถือได้ว่าเป็นบริษัทที่ให้ความสำคัญในการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อดำเนินธุรกิจด้านพลังงาน และเป็นผู้เตรียมพร้อมด้านเทคโนโลยีพลังงานเพื่อรองรับบริบทของพลังงานที่เปลี่ยนไป เห็นได้ชัดก็คือการเปลี่ยนรูปแบบพลังงานมาเป็นพลังงานไฟฟ้าที่มาจากพลังงานสะอาด สร้างอุตสาหกรรมที่ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และทางบริษัทฯ ยังได้เตรียมพร้อมโดยมีการตั้งโรงงานแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน เพื่อพัฒนาและผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนสำหรับ ใช้งานต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งปัจจุบันถือได้ว่าทางบริษัทฯ มีระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าที่สมบูรณ์ครบวงจร ตั้งแต่ยานยนต์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ลิเทียมไอออนที่เป็นแหล่งพลังงาน รวมถึงสถานีชาร์จประจุ ทำให้เกิด Economy of scale ขึ้น สามารถเป็นต้นแบบของการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ช่วยยกระดับอุตสาหกรรมให้มีความแตกต่าง เติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ด้าน ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กล่าวว่า ประเทศไทยนั้นมีระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ดี และมีแรงงานที่มีประสบการณ์ มีความเชี่ยวชาญเป็นอันดับต้นๆ ของอาเซียน โดยเฉพาะการคมนาคมและขนส่ง โดยถือได้ว่าประเทศไทยมีห่วงโซ่อุปทาน ในอุตสาหกรรมยานยนต์ ตั้งแต่ผลิตและส่งออกยานยนต์ไปตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ แต่ด้วยในปัจจุบันอุตสาหกรรมยานยนต์กำลังก้าวสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและนวัตกรรม จึงต้องมีส่วนร่วมในการลดการปล่อยมลพิษควบคู่กันไป

   ทั้งนี้ เพื่อให้ประเทศไทยยังรักษาความแข็งแรงในระบบโครงสร้างพื้นฐานให้ดีต่อไป จำเป็นต้องมีเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่สนับสนุนผู้ประกอบการในประเทศไทย ให้มีผลผลิตจากการวิจัยและพัฒนาเป็น Nation’s Product Champion โดยไม่ใช่เพียงแค่การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีในด้านแบตเตอรี่ ยานยนต์ไฟฟ้า และโครงสร้างพื้นฐานเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการวิจัยและพัฒนาด้าน Biochemical (ไบโอเคมีคัล) และผลิตภัณฑ์ด้านการแพทย์และสุขภาพต่อไป

   ความร่วมมือกับ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) ที่จะเกิดขึ้นไปนับจากนี้ จะทำให้นักวิจัย สวทช. ได้ใช้ความเชี่ยวชาญที่มีดำเนินการวิจัยแก้ปัญหา และพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้กับภาคอุตสาหกรรมได้เป็นเอกภาพมากขึ้น เกิดการแลกเปลี่ยนและเสริมสร้างความรู้ ประสบการณ์ และข้อมูลเชิงวิชาการและเชิงอุตสาหกรรมระหว่างกัน เพื่อนำไปสู่ Nation’s Product Champion ที่ออกสู่ตลาดได้และช่วยยกระดับการวิจัยพัฒนาแบบมุ่งเน้นผลลัพธ์ต่ออุตสาหกรรมไทยต่อไป ขณะที่ นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA กล่าวว่า EA รู้สึกเป็นเกียรติและยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือการวิจัยและพัฒนาเพื่อนวัตกรรมเชิงอุตสาหกรรมเพื่อ Bio-Circular-Green Economy กับ สวทช. ทั้งนี้ EA มุ่งดำเนินธุรกิจ “Green Product” โดยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาพัฒนาด้านพลังงานสะอาด ที่จะช่วยสร้างอุตสาหกรรมใหม่ให้กับประเทศบนพื้นฐานความยั่งยืนให้เดินหน้าอย่างสมดุล ตามนโยบายภาครัฐที่มุ่งส่งเสริมโมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ดังนั้นถือเป็นโอกาสครั้งสำคัญของ EA และ สวทช. ในการเตรียมความพร้อมจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนา BCG Industry มุ่งเน้นผลลัพธ์เชิงอุตสาหกรรมในการพัฒนาอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับ BCG Model ได้แก่

1.แบตเตอรี่และยานยนต์ไฟฟ้า รถ-ราง-เรือ และโครงสร้างพื้นฐาน

2. ผลิตภัณฑ์ด้าน Biochemicals

3. ผลิตภัณฑ์ด้านการแพทย์และสุขภาพ

   ทั้งนี้เพื่อสนับสนุนการร่วมกันวิจัยพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนสร้างการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมด้านพลังงาน อย่างครบวงจร