27-03-2567

องค์การค้าของ สกสค. แจงทีโออาร์โปร่งใส ยันไม่ยกเลิก พร้อมเร่งจัดพิมพ์ ‘หนังสือเรียน’ ผลิตและจัดส่งหนังสือแบบเรียนได้ทันก่อนเปิดเทอมแน่นอน

   ตามข่าวที่มีสำนักพิมพ์บางแห่งได้ไปร้องสื่อ เรื่องที่องค์การค้าของ สกสค. จัดซื้อจัดจ้างหนังสือเรียน ประจำปี 2567 ไม่โปร่งใส มีการล็อคสเปคนั้น นายภกร รงค์นพรัตน์ รองผู้อำนวยการองค์การค้าของ สกสค. เนื่องจากองค์การค้าฯ มีเวลาจำกัดในการดำเนินการจัดทำหนังสือแบบเรียน จึงมีเหตุจำเป็นจะต้องดำเนินการ   โดยวิธีคัดเลือก คาดว่าจะต้องใช้เวลาดำเนินการประมาณ 78 วัน แต่ถ้าใช้วิธี e-bidding จะทำให้ผลิต ไม่ทันเวลาการเปิดภาคเรียน 2567 ซึ่งจะส่งผลกระทบกับนักเรียน ครู โรงเรียน สถานศึกษาและระบบบริหารการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ดังนั้น องค์การค้าฯ ดำเนินการโดยวิธีคัดเลือก และได้ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 และระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 ซึ่งในการใช้วิธีนี้จะทำให้เกิดการกระจายไปให้โรงพิมพ์ได้มากที่สุด และเกิดความโปร่งใสอย่างแน่นอน อีกทั้งเกณฑ์การเลือกโรงพิมพ์จะต้องเป็นโรงพิมพ์ที่มีศักยภาพ ขึ้นทะเบียนผู้ค้ากับกรมบัญชีกลางและรับงานพิมพ์องค์การค้าฯ หรือเป็นโรงพิมพ์ของรัฐที่คาดว่าจะสามารถพิมพ์งานนี้ได้ และสามารถผลิตหนังสือเรียนได้ทันเปิดภาคการศึกษา 2567 ซึ่งองค์การค้าฯ.ได้เชิญสำนักพิมพ์จำนวนถึง 19 แห่ง และกระจายความเสี่ยงในการผลิตเป็น 30 กลุ่ม ทั้งนี้ การแบ่งกลุ่มไม่ใช่การกีดกันแต่อย่างใด ผู้ว่าจ้างสามารถทำได้โดยไม่ผิดกฎหมาย

   โรงพิมพ์ที่ร้องเรียนดังกล่าว และได้ออกข่าวผ่านสื่อสำนักข่าวหนึ่งว่าการผลิตหนังสือเรียนระยะเวลาการผลิต 55 วันนั้น หากโรงพิมพ์ใดโรงพิมพ์หนึ่งต้องผลิตจำนวน 5.4 ล้านเล่ม จะเป็นการเกินกำลังการผลิตของทุกโรงพิมพ์นั้น เรื่องนี้ โรงพิมพ์ สามารถเลือกประมูลงานได้ตามศักยภาพของแต่ละโรงพิมพ์ องค์การค้าไม่ได้บังคับให้ผลิตหนังสือเกินกำลังการผลิตของแต่ละโรงพิมพ์ และโรงพิมพ์ดังกล่าวได้ยื่นประกวดราคา ในราคาที่ต่ำเพื่อต้องการให้ได้งานมากที่สุดและก็ได้งานไปถึง 5.3 ล้านเล่ม ในขณะที่โรงพิมพ์ที่ได้รับการคัดเลือกอื่นๆ ได้รับการคัดเลือกให้จัดพิมพ์โดยประมาณ 2-3 ล้านเล่ม ตามศักยภาพของโรงพิมพ์แต่ละแห่ง องค์การค้าจึงไม่เข้าใจว่า โรงพิมพ์ที่ร้องเรียนดังกล่าว และได้งานไปกว่า 5 ล้านเล่มนั้น นำประเด็นนี้มาโจมตีด้วยเหตุผลใด แม้กระทั่งในวันที่ทำสัญญา (20 มีนาคม 2567) โรงพิมพ์แห่งนี้ก็เข้ามาทำสัญญา และยอมรับเงื่อนไขทั้งหมดเช่นเดียวกับโรงพิมพ์ที่ได้รับการคัดเลือกอื่นๆ ยิ่งไปกว่านั้น ในวันที่ทำสัญญา ยังนำฝ่ายกฎหมายและนักข่าวจากสำนักข่าวแห่งนั้นเข้ามาร่วมฟังการชี้แจง

   ข้อกล่าวหากรณีการล็อคสเปคกระดาษที่เป็นข่าวนั้น องค์การค้าฯ ไม่ได้กำหนด Spec เอง แต่การเลือกใช้กระดาษของหนังสือเรียน องค์การค้าฯ ได้รับการอนุมัติจาก สสวท. ซึ่งเป็นเจ้าของต้นฉบับ และ สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สังกัด สพฐ. ได้อนุมัติให้ใช้และกำหนดราคาจำหน่ายหนังสือเรียนมาให้ องค์การค้าฯไม่ได้เป็นผู้กำหนด Spec ของกระดาษโดยพลการ ยิ่งไปกว่านั้น กระดาษดังกล่าว ไม่ได้ใช้เป็นปีแรก และก็ไม่ได้มีการกำหนดว่าต้องซื้อจากแหล่งใด ทุกโรงพิมพ์ที่ได้รับการคัดเลือกสามารถซื้อกระดาษจากแหล่งใดก็ได้ เพียงแต่ต้องใช้ตรงตามสเปคที่กำหนดตาม TOR ซึ่งการสั่งกระดาษเข้ามารองรับงานพิมพ์ บริษัทกระดาษทุกๆบริษัททราบอยู่แล้วว่าในแต่ละปี องค์การค้าฯจะมีปริมาณการผลิตหนังสือเรียนเท่าไหร่ ดังนั้นบริษัทที่ประสงค์จะขายกระดาษให้กับโรงพิมพ์เพื่อจัดพิมพ์หนังสือขององค์การค้าฯ สามารถวางแผน Stock กระดาษเพื่อใช้ในการผลิตหนังสือเรียนได้ 

   องค์การค้าฯ มุ่งเน้นผลิตหนังสือเรียนให้ทันเปิดเทอม เน้นคุณภาพ ราคาถูก พัฒนาสมองของเด็กไทย รวมทั้งประหยัดงบประมาณของรัฐ องค์การค้าฯ จะไม่ยอมให้ใครมาหวังผลประโยชน์จากการผลิตหนังสือเรียน หรือมาทำร้ายเด็กนักเรียน ซึ่งเป็นความหวังของชาติอย่างแน่นอน การที่สำนักพิมพ์บางแห่งกระทำการร้องไปยังสื่อต่าง ๆ เช่นนี้เพียงเพื่อหวังผลประโยชน์เฉพาะตน เพื่อจะได้เป็นผู้จัดพิมพ์แต่เพียงผู้เดียวซึ่งจะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อราคาและคุณภาพหนังสือเรียน และในภาพรวมจะส่งผลถึงเด็กนักเรียนอย่างแน่นอนที่สุด องค์การค้าฯ จะขอยืนหยัด รักษา มาตรฐานการผลิตหนังสือเรียนของกระทรวงศึกษาธิการ ให้ถูกต้องตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดและเพื่อประโยชน์สูงสุด ในเรื่องราคา คุณภาพ ประหยัดงบประมาณของชาติ และที่สำคัญ คือ เพื่อเด็กไทยและการศึกษาของชาติ ทั้งนี้ สำนักพิมพ์ที่ได้รับการคัดเลือกให้พิมพ์หนังสือเรียนให้กับองค์การค้าฯ ได้ลงนามสัญญาเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา และองค์การค้าฯ  จะเร่งดำเนินการผลิตและจัดส่งหนังสือแบบเรียนให้ทันก่อนเปิดเทอมแน่นอน