02-04-2567

สพฐ. กำชับเขตพื้นที่การศึกษา สอบคัดเลือกครู-ผู้บริหารสถานศึกษา ต้องโปร่งใส ไร้ทุจริต


   นายสุรินทร์ มั่นประสงค์ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (ผู้ช่วยเลขาธิการ กพฐ.) ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและนิติการ เปิดเผยว่า ตามที่ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ประกาศปฏิทินการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย กรณีที่มีความจำเป็นหรือมีเหตุพิเศษ และการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานศึกษาและผู้อำนวยการสถานศึกษา สังกัด สพฐ. ปี พ.ศ. 2567 เพื่อสรรหาบุคคลที่เหมาะสมในตำแหน่งครูผู้ช่วย และผู้บริหารสถานศึกษา ให้เสร็จสิ้นเรียบร้อย เตรียมพร้อมปฏิบัติหน้าที่ครบทุกโรงเรียนก่อนการเปิดภาคเรียนใหม่ ปีการศึกษา 2567 และมีเสียงสะท้อนบนสื่อออนไลน์ ตั้งคำถามถึงความโปร่งใสในการสอบคัดเลือกฯ นั้น

   นายสุรินทร์ กล่าวว่า ในประเด็นดังกล่าว ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้รับทราบและไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้เน้นย้ำให้หน่วยงานในสังกัดดำเนินการอย่างโปร่งใส เป็นธรรม ตรวจสอบได้ ตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ยึดถือระบบคุณธรรมและความโปร่งใส โดยในส่วนของกระบวนการสอบคัดเลือกฯ เนื่องจากกระทรวงศึกษาธิการ นำโดยพล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศธ. ได้มีนโยบายให้สถานศึกษาในสังกัดทั่วประเทศมีผู้บริหารและครู ครบทุกโรงเรียนก่อนเปิดภาคเรียนที่ 1/2567 สพฐ. จึงได้กำหนดปฏิทินการสอบคัดเลือกฯ เพื่อให้ทันตามกำหนดดังกล่าว ซึ่งในส่วนของการดำเนินการจัดสอบ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) มีมติ ตาม ว2/2567 กำหนดให้ส่วนราชการ (สพฐ.) เป็นผู้บริหารจัดการข้อสอบ ในการสอบคัดเลือกครูและบุคลากรทางการศึกษา ตาม ว16/57 และ ว17/57 ส่วนการสอบผู้บริหารสถานศึกษา เป็นอำนาจหน้าที่ของ อ.ก.ค.ศ เขตพื้นที่การศึกษา ในการบริหารจัดการ และเพื่อให้กระบวนการสอบคัดเลือกเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ ยุติธรรม โปร่งใส ได้รับความเชื่อถือไว้วางใจจากบุคคลภายนอก ทาง สพฐ. ได้มีหนังสือกำชับไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และ อ.ก.ค.ศ เขตพื้นที่การศึกษาทุกเขต เรื่องมาตรการป้องกันการทุจริตในการสอบคัดเลือกฯ ซึ่งผู้บริหารทุกระดับและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์และวิธีการที่เกี่ยวข้อง หากมีการฝ่าฝืนและเกิดความเสียหายต่อทางราชการ จะถูกดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด

   ทั้งนี้ มาตรการป้องกันการทุจริตฯ ยังรวมถึงการห้ามมิให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา หรือบุคลากรของ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ กระทำการใดๆ ที่มีเจตนาเป็นการกวดวิชา จัดทำเอกสาร จำหน่าย แจก หรือกระบวนการอื่นใดที่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้เข้ารับการคัดเลือกฯ และห้ามมิให้แต่งตั้งบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการจัดกวดวิชา หรือสถานศึกษาที่จัดกวดวิชา เป็นกรรมการที่เกี่ยวข้องกับการคัดเลือกอย่างเด็ดขาด โดย สพฐ. และมหาวิทยาลัยที่ สพฐ. ประสานบริการจัดการข้อสอบ ได้จัดตั้งศูนย์ติดตามข่าวทุจริตและการติวสอบทั่วประเทศ เพื่อกำชับไม่ให้บุคลากรดังกล่าวเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับการสอบทุกกรณี นอกจากนี้ สพฐ. ยังได้กำหนดหลักเกณฑ์การให้คะแนนการสอบ ภาค ข และภาค ค ให้เป็นวิทยาศาสตร์มากที่สุด เพื่อให้เกิดความยุติธรรม มีความเสมอภาค และเท่าเทียมสำหรับผู้เข้าสอบทุกคน ดังนั้น เรื่องที่กังวลว่าจะมีการทุจริตในการสอบนั้น ไม่มีช่องทางใดเลยที่เกิดเหตุการณ์ในลักษณะที่ผ่านมา ยกเว้นว่าจะมีผู้แอบอ้าง จึงขอให้ผู้ที่จะเข้ารับการคัดเลือกฯ ระวังอย่าตกเป็นเหยื่อและควรตระหนักถึงผลกระทบในอนาคตที่เกิดขึ้น หากกระทำการทุจริตในการสอบเข้ารับราชการ เพราะนอกจากจะถูกปรับให้เป็นผู้สอบตกไม่สามารถเข้ารับราชการได้แล้ว ยังอาจส่งผลให้ผู้ทุจริตตกเป็นผู้ขาดคุณสมบัติที่จะเข้ารับราชการ ซึ่งเป็นผลกระทบที่ร้ายแรงแก่ตนเองตลอดทั้งชื่อเสียงและเกียรติยศของวงศ์ตระกูลอีกด้วย

   “เลขาธิการ สพฐ. ได้เน้นย้ำตามข้อสั่งการของ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศธ. ที่มีความห่วงใยต่อการสอบคัดเลือกฯ ข้าราชการครู และผู้บริหารสถานศึกษา เพื่อให้ครบทุกโรงเรียนก่อนการเปิดภาคเรียนใหม่ ปีการศึกษา 2567 โดยกำชับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา ให้ดำเนินการอย่างบริสุทธิ์ ยุติธรรม รวมถึงผู้เข้ารับการคัดเลือก ขอให้ระมัดระวังพฤติกรรมของบุคคลที่อาจแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ หากมีการแอบอ้างว่าตนเป็นคนสนิท ใกล้ชิดหรือเป็นญาติกับผู้อำนวยการ หรือผู้ใหญ่ในวงการศึกษา หรือวงราชการ หรือกรรมการดำเนินการสอบ สามารถจะช่วยให้สอบได้ด้วยวิธีการต่างๆ เช่น อ้างว่าสามารถนำข้อสอบมาให้ศึกษาดูก่อนสอบได้ โดยเรียกรับผลประโยชน์ตอบแทนจากผู้สมัครที่หลงเชื่อ ขอให้ผู้เข้ารับการคัดเลือก ตรวจสอบแหล่งข่าวหรือข้อมูลหากเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาหรือลูกจ้างในสังกัด จะดำเนินการทางวินัยอย่างร้ายแรง และขอให้แจ้งมายัง สพฐ. โดยทันที เพื่อหาทางป้องกัน แก้ไข และดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การดำเนินการคัดเลือกบุคคลครั้งนี้เป็นไปอย่างบริสุทธิ์ ยุติธรรม อย่างแท้จริง” ผู้ช่วยเลขาธิการ กพฐ. กล่าว