พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ว่า ที่ประชุมได้มีการติดตามคุณภาพการศึกษา ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขึ้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้รายงานความก้าวหน้าการอบรมสร้างและพัฒนาข้อสอบวัดความฉลาดรู้ด้านการอ่าน วิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์ ในระดับเขตพื้นที่ จำนวน 245 เขตพื้นที่ มีกลุ่มเป้าหมาย จำนวนทั้งสิ้น 445,624 คน ลงทะเบียนแล้วจำนวน 437,567 คน อบรมเสร็จแล้ว จำนวน 339,121 คน นอกจากนี้ ยังมีการสร้างคลังข้อสอบในระดับเขตพื้นที่ เพื่อต่อยอดการอบรมการสร้างและพัฒนาข้อสอบตามแนว PISA โดยขณะนี้ อยู่ระหว่างให้ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) นำเข้าข้อมูลคลังข้อสอบ ให้ทันภายในวันที่ 16 พฤษภาคม 2568 เมื่อแล้วเสร็จ ทุกเขตพื้นที่สามารถดาวน์โหลดไปใช้ได้ ตามแนวทางเรียนได้ทุกที่ทุกเวลา Anywhere Anytime ขณะเดียวกันในวันที่ 2 พ.ค.นี้ ตนจะประชุมมอบนโยบายด้านการศึกษาในเรื่อง การจัดเตรียมแผนการสอน การพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้แก่สพท.ทั่วประเทศ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเปิดภาคเรียนที่ 1 ด้วย
พลตำรวจเอก เพิ่มพูน กล่าวอีกว่า สภาการศึกษา (สกศ.) ได้นำเสนอแนวทางการส่งเสริมพหุปัญญาและการจัดการศึกษา สำหรับผู้มีความสามารถพิเศษ ซึ่งมีความสำคัญต่อการพัฒนาความสามารถทางการแข่งขันของประเทศสู่ระดับสากล โดยตนได้กำชับตั้งแต่ผู้บริหารให้ดำเนินการถ่ายทอดนโยบายแก่บุคลากรทางการศึกษาไปจนถึงเด็กนักเรียนด้วย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า ส่วนกรณีของชุดลูกเสือนั้น เรื่องดังกล่าวเป็นไปตามสภาพเศรษฐกิจและสภาพอากาศตามบริบทของพื้นที่ ซึ่งชุดลูกเสือตามประกาศ จะมีอยู่ด้วยกัน 3 ชุด ได้แก่ ชุดพิธีการ ชุดฝึก และชุดลำลอง ซึ่งในเรื่องของการจัดการเรียนการสอนโรงเรียนสามารถเป็นผู้กำหนดเครื่องแบบตามความเหมาะสมได้ เช่น เมื่อมีการจัดกิจกรรมเรียนวิชาลูกเสือ ผู้เรียนสามารถแต่งกายเพียงชุดพละหรือชุดนักเรียนที่เด็กมีอยู่แล้ว และใช้ผ้าพันคอลูกเสือกำหนดเป็นสัญลักษณ์ของการเข้าเรียนหรือเข้าร่วมกิจกรรมแทนได้ แต่ในกรณีของงานพิธีการอาจต้องมีการแต่งเครื่องแบบให้มีความเหมาะสม เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ผู้ปกครอง และในส่วนของผู้ประกอบการก็ไม่ต้องวิตกกังวลว่าชุดลูกเสือที่มีอยู่จะจำหน่ายไม่ได้ เนื่องจากยังมีการแต่งกายชุดลูกเสืออยู่